วันที่นำเข้าข้อมูล 27 มิ.ย. 2562
วันที่ปรับปรุงข้อมูล 30 พ.ย. 2565
“สเปน” (España: เอส-ปาญ-ญ่ะ) ประเทศทางยุโรปใต้ มีอาณาเขตติดต่อกับประเทศฝรั่งเศส โปรตุเกส ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน และทวีปแอฟริกา ด้วยทำเลที่ได้เปรียบจึงเป็นประตูการค้าสู่ทวีปยุโรป แถบประเทศลาตินอเมริกา และทวีปแอฟริกาตอนเหนือได้เป็นอย่างดี ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาเศรษฐกิจสเปนดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศเพิ่มสูงขึ้นร้อยละ 1.4 ในปี 2557 และร้อยละ 3.2 ในปี 2558
คนไทยจำนวนมากจะนึกถึงสเปนในเรื่องการสู้วัวกระทิง กีฬาฟุตบอล บาสเกตบอล ดนตรีฟาเมงโก แต่หลายคนอาจไม่ทราบว่าบริษัทจากแดนกระทิงดุมีศักยภาพและชื่อเสียงระดับโลกในหลายด้าน อาทิ เทคโนโลยี นวัตกรรม โครงสร้างพื้นฐาน พลังงานทดแทน อุตสาหกรรมสิ่งทอและแฟชั่น ในอดีตสเปนเน้นการทำธุรกิจกับประเทศในแถบลาตินอเมริกา เนื่องจากสายสัมพันธ์ที่แนบแน่นกับสเปนทั้งในด้านเศรษฐกิจ ประวัติศาสตร์ ภาษาและวัฒนธรรม ส่วนในภูมิภาคเอเชีย บริษัทสเปนเพิ่งเริ่มสนใจขยายธุรกิจในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา โดยเริ่มบุกตลาดจีนและอินเดียเป็นสองประเทศแรกในช่วงทศวรรษที่ 80 และ 90 ตามลำดับ
ภาวะวิกฤติเศรษฐกิจถดถอยเป็นหนึ่งเหตุผลที่ผลักดันให้สเปนต้องหาตลาดใหม่อย่างในภูมิภาคเอเชีย กอปรกับรัฐบาลชุดปัจจุบันของสเปนได้ปรับเปลี่ยนนโยบายหันมากระชับความสัมพันธ์ด้านการค้าและการลงทุนกับเอเชียมากขึ้น อาทิ การลงนามในข้อบทความตกลงว่าด้วยธนาคารเพื่อการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานเอเชีย (Asian Infrastructure Investment Bank หรือ AIIB) เมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 2558 ทั้งนี้ ภายหลังที่สเปนให้สัตยาบันต่อความตกลงดังกล่าวแล้ว ก็จะทำให้สเปนเป็นสมาชิก AIIB โดยสมบูรณ์ โดยสเปนจะสามารถมีส่วนร่วมในการกำหนดนโยบายและทิศทางการดำเนินงานของธนาคาร ฯ ซึ่งจะสร้างโอกาสให้ภาคเอชนสเปนเข้าถึงแหล่งเงินทุนสำหรับลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ ในเอเชียมากยิ่งขึ้น
ปัจจัยเหล่านี้ยิ่งเอื้อให้บริษัทสเปนสนใจขยายธุรกิจในตลาดเอเชียมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะในภูมิภาคอาเซียน เพราะเป็นตลาดที่มีพลวัตแห่งหนึ่งของโลก
เป็นที่แน่นอนว่า “ไทย” คือหนึ่งเป้าหมายที่บริษัทสเปนจับตามอง เพราะอันที่จริงชาวสเปนรู้จักประเทศไทยมานานแล้วในฐานะประเทศน่าท่องเที่ยวที่สุดอันดับต้น ๆ ของเอเชีย ตามสถิติปี 2559 ชาวสเปนเดินทางมาประเทศไทย 168,843 คน ขยายตัวร้อยละ 11.8 ในขณะที่ปี 2558 ชาวไทยเดินทางไปประเทศสเปน 16,299 คน สเปนเป็นประเทศคู่ค้าอันดับที่ 6 ของไทยในกลุ่มสหภาพยุโรป ซึ่งมูลค่าการค้าระหว่างไทย-สเปนอยู่ที่ 1,460 ล้านยูโร เพิ่มขึ้นร้อยละ 17.98 แต่การลงทุนระหว่างสองประเทศยังมีน้อยอยู่ ตามข้อมูลของหน่วยงานส่งเสริมการส่งออกและการลงทุนของสเปนหรือ ICEX ปัจจุบันมีบริษัทสเปนเข้ามาจัดตั้งในประเทศไทยจำนวน 29 บริษัท ปัจจุบันในสเปนมีร้านอาหารไทย 60 แห่ง ร้านนวดไทย-สปา 24 ร้าน และร้านนวดไทยตามโรงแรม 10 แห่ง แต่กลับมีบริษัท CP Merchandising เพียงบริษัทเดียวที่เข้ามาจัดตั้งบริษัท
ในคอลัมน์นี้ เราขอแนะนำ 3 บริษัทแดนกระทิงดุที่สนใจขยายธุรกิจในตลาดไทย ดังนี้
1. บริษัท Indra เริ่มก่อตั้งเมื่อปี 2536 เป็นบริษัทชั้นนำระดับโลกที่ให้บริการทางเทคโนโลยีในหลายสาขา อาทิ การป้องกันประเทศและความปลอดภัย การขนส่งและการจราจร พลังงานและอุตสาหกรรม โทรคมนาคมและการสื่อสาร การให้บริการด้านการเงิน การจัดการภาครัฐและสาธารณสุข (http://www.indracompany.com/en) บริษัทฯ เข้าไปดำเนินธุรกิจกว่า 140 ประเทศทั่วโลก เมื่อเดือนกรกฎาคม 2558 บริษัท Indra เป็นหนึ่งในสามบริษัทชั้นนำของสเปนที่ร่วมมือกับกระทรวงอุตสาหกรรม พลังงานและการท่องเที่ยวของสเปน ในการดำเนินนโยบาย Industria Conectada 4.0 หรือ Connected Industry 4.0 เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจโดยการนำเอาเทคโนโลยีดิจิตอลเข้ามาใช้เพื่อเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันของภาคอุตสาหกรรมสเปน
ที่ผ่านมา ได้ดำเนินโครงการการติดตั้งระบบควบคุมการจราจรทางอากาศกว่า 4,000 โครงการใน 160 ประเทศทั่วโลก ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก บริษัทฯ มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการจราจรทางอากาศ โดยมีโครงการขนาดใหญ่ (mega projects) ในหลายประเทศ อาทิ จีน มองโกเลีย เวียดนาม อินเดีย อินโดนีเซีย นิวซีแลนด์ และออสเตรเลีย ล่าสุด เมื่อเดือนตุลาคม 2559 บริษัทย่อยของ Indra ในออสเตรเลียชนะการประมูลโครงการติดตั้งระบบติดตามอากาศยานอัตโนมัติ ADS-B ในภูมิภาคแปซิฟิกใต้ หลังจากที่รัฐบาลจากหลายประเทศ ได้แก่ คีรีบาส ซามัว ตองกา ตูวาลู และวานูอาตู ได้เปิดประมูลโครงการภายใต้แผนการลงทุนในสาขาการบินในภูมิภาคแปซิฟิค (The Pacific Aviation Investment Program - PAIP)บริษัทฯ มีแผนจะจัดตั้งสำนักงานตัวแทนที่กรุงเทพฯ เพื่อศึกษาและขยายตลาดในประเทศไทย
2. บริษัท Industrias Duero ก่อตั้งเมื่อปี 2495 เป็นบริษัทชั้นนำด้านความปลอดภัยบนท้องถนน โครงสร้างพื้นฐานการคมนาคมทางบก โครงสร้างเหล็ก การชุบเคลือบสังกะสี การผลิตท่อเหล็ก และพลังงานทดแทน (http://industriasduero.com/en/) บริษัท ฯ มีสำนักงานตั้งอยู่ที่กรุงมาดริดและจังหวัดบาเลนเซีย และมีโรงงานผลิตที่กรุงมาดริด จังหวัดบาเลนเซีย และจังหวัดโตเลโด สินค้าของบริษัท ฯ มีหลากหลาย อาทิ ราวกั้นข้างถนน ราวกั้นข้างสะพานและอุปกรณ์อื่น ๆ เพื่อป้องกันอุบัติเหตุในการจราจรทางบก กระบวนการผลิตและสินค้าของบริษัท ฯ ได้รับการรับรองคุณภาพตามมาตรฐานยุโรปและมาตรฐาน Bureau Veritas นอกจากนี้บริษัท ฯ ยังร่วมมือกับโรงเรียนต่าง ๆ ในสเปนจัดการอบรมเรื่องการเสริมสร้างความปลอดภัยบนท้องถนนแก่เด็กและเยาวชน บริษัทมีผลงานใน 4 ทวีป 83 ประเทศทั่วโลก ส่วนในทวีปเอเชีย บริษัท ฯ ได้เข้าไปทำธุรกิจในอินโดนีเซียแล้วและมีความสนใจบุกตลาดไทย เพื่อขยายสัดส่วนการตลาดในทวีปเอเชียที่มีเพียงร้อยละ 10 ของตลาดทั้งหมดของบริษัท ฯ
3. บริษัท IFC ก่อตั้งเมื่อปี 2532 ที่แคว้น Cantabria (ทางตอนเหนือของสเปน) มีความเชี่ยวชาญในการผลิตยารักษาโรคผิวหนังและอาการผมร่วง เวชสำอางและผลิตภัณฑ์อาหารเสริมเพื่อป้องกันการเกิดริ้วรอย สิว หรือปกป้องผิวหนังจากแสงแดดภายใต้ยี่ห้อ Endocare, Heliocare, Neoretin, Biretix และ Iraltone (http://www.ifcgroup.net/index.html) ผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ ติดอันดับ 1 ในตลาดยารักษาโรคผิวหนังและเวชสำอางที่แพทย์ผิวหนังสั่งจ่ายให้แก่ผู้ป่วย เนื่องจากมีคุณภาพดีและราคาไม่แพง นอกจากนี้ ยังจำหน่าย สารออกฤทธิ์ (active ingredients) ที่ใช้ในผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางด้วย เช่น Fernblock, SCA Biorepair, Retinsphere และ IFC CAF
ที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้ส่งออกผลิตภัณฑ์ไปจำหน่ายกว่า 80 ประเทศทั่วโลก บริษัทฯ มีศูนย์วิจัยที่เมือง Santander และทำความร่วมมือในการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์กับศูนย์วิจัยของโรงพยาบาลและมหาวิทยาลัยหลายแห่งทั้งในสเปนและต่างประเทศ เช่น อิตาลี เยอรมนี สหรัฐ ฯ นอกจากนี้ ยังมีความร่วมมือในด้าน clinical trial กับศูนย์วิจัยในฟิลิปปินส์และสิงคโปร์ บริษัท ฯ ได้เข้ามาทำตลาดในประเทศไทยตั้งแต่ปี 2553 และสนใจขยายตลาด รวมทั้งทำความร่วมมือทางด้านการวิจัยและนวัตกรรมในประเทศไทย
จะเห็นได้ว่า “ไทย” กับ “สเปน” เริ่มมีความสัมพันธ์ทางการค้าและธุรกิจมากขึ้น และไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป ในคอลัมน์หน้า เรามาดูกันว่าบริษัทสเปนมีศักยภาพในด้านใดอีกบ้าง และธุรกิจสาขาใดที่ผู้ประกอบการไทยน่าจะเข้าไปลงทุนในแดนกระทิงดุ สามารถติดตามรับข่าวสารได้จากศูนย์ข้อมูลเพื่อธุรกิจไทยในสเปน ที่เว็บไซต์ http://www.thaiembassy.org/bic.madrid/
ศูนย์ข้อมูลเพื่อธุรกิจไทยในสเปน สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงมาดริด
1 มีนาคม 2560