วันที่นำเข้าข้อมูล 14 พ.ค. 2563
วันที่ปรับปรุงข้อมูล 27 พ.ย. 2565
7.1 การผ่อนปรนสัญญาการใช้ไฟฟ้าและก๊าซธรรมชาติ
รัฐบาลได้ออกมาตรการผ่อนปรนสัญญาการใช้ไฟฟ้าและก๊าซธรรมชาติสำหรับผู้ประกอบการและ SMEs โดยสามารถดำเนินการได้ดังนี้
1) สัญญาการใช้ไฟฟ้า ในช่วงที่พระราชกฤษฎีกา Estado de Alarma มีผลบังคับใช้ ผู้ประกอบการและบริษัทสามารถขอดำเนินการกับบริษัทไฟฟ้าได้ ดังนี้
ก. ยกเลิกสัญญาได้เป็นการชั่วคราวหรือแก้ไขสัญญา หรือขยายเวลาสัญญาได้โดยไม่มีค่าปรับ
ข. ขอเปลี่ยนค่าการเข้าถึงเครือข่ายไฟฟ้า (peaje de acceso) หรือปรับกำลังไฟฟ้าได้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย หลังจากที่พระราชกฤษฎีกา Estado de Alarma สิ้นสุดการบังคับใช้ เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน ค.ศ. 2020 ที่ผ่านมา ผู้ใช้งานมีเวลา 3 เดือนในการขอยื่นเรื่องกลับมาทำสัญญาได้เหมือนเดิมหรือปรับเปลี่ยนแก้ไขตามข้อ ข. ได้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายหรือค่าปรับแต่อย่างใด แต่ว่าการปรับเปลี่ยนแก้ไขจะต้องดำเนินการภายใน 5 วันหลังจากที่มีการยื่นเรื่องเพื่อที่ว่าผู้ใช้งานจะได้ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย
2) สัญญาการใช้ก๊าซธรรมชาติ ในช่วงที่พระราชกฤษฎีกา Estado de Alarma มีผลบังคับใช้ ผู้ประกอบการและบริษัทสามารถขอแก้ไข เปลี่ยนค่าความร้อนก๊าซธรรมชาติ เปลี่ยนระดับการเข้าถึงเครือข่ายก๊าซธรรมชาติ หรือขอยกเลิกสัญญาเป็นการชั่วคราวโดยไม่มีค่าใช้จ่าย
เมื่อพระราชกฤษฎีกา Estado de Alarma สิ้นสุดการบังคับใช้ ผู้ใช้งานมีเวลา 3 เดือนในการยื่นเรื่องขอปรับเปลี่ยนกำลังและระดับการเข้าถึงเครือข่ายก๊าซธรรมชาติโดยไม่มีค่าใช้จ่าย และสามารถขอกลับมาทำสัญญาเหมือนเดิมหากดำเนินการภายใน 5 วัน หลังจากที่มีการยื่นเรื่องเพื่อที่ว่าผู้ใช้งานจะได้ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย
7.2 การระงับการชำระค่าไฟฟ้า ก๊าซธรรมชาติและผลิตภัณฑ์จากน้ำมัน
ในช่วงที่พระราชกฤษฎีกา Estado de Alarma มีผลบังคับใช้ ผู้ประกอบการและ SMEs สามารถขอระงับการชำระใบเสร็จค่าไฟฟ้า ก๊าซธรรมชาติและผลิตภัณฑ์จากน้ำมัน ซึ่งมาตรการนี้จะครอบคลุมวันที่อยู่ในช่วงการประกาศ Estado de Alarma มีผลบังคับใช้
เมื่อการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกา Estado de Alarma สิ้นสุดลง หนี้ที่ค้างชำระจะถูกแบ่งให้ชำระภายใน 6 เดือนด้วยจำนวนที่เท่ากัน อนึ่ง ในระหว่างนี้ผู้ใช้บริการไม่สามารถเปลี่ยนบริษัทผู้ให้บริการได้
อนึ่ง ผู้ประกอบการและบริษัท SMEs สามารถอ่านข้อมูลได้จากที่นี่ หรือติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้จากบริษัทผู้ให้บริการ
ทั้งนี้ โดยที่ธุรกิจแต่ละแห่งมีลักษณะเฉพาะที่แตกต่างกัน ประกอบกับรัฐบาลสเปนอาจมีการปรับปรุงมาตรการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องอยู่เสมอ ผู้ประกอบการอาจพิจารณาขอคำปรึกษาสำนักทนายความเพื่อยืนยันรายละเอียดล่าสุดเกี่ยวกับสิทธิการขอความช่วยเหลือและเอกสารประกอบที่จำเป็นต้องใช้ในการยื่นเรื่องขอรับความช่วยเหลือดังกล่าว