ในปี 2567 มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมาเยือนสเปนสูงเป็นประวัติศาสตร์ถึง 94 ล้านคน (เพิ่มขึ้นร้อยละ 10.1 จาก 85.1 ล้านคนในปี 2566) และเป็นประเทศที่มีนักท่องเที่ยวมาเยือนมากเป็นลำดับที่ 2 ของโลกรองจากฝรั่งเศส (100 ล้านคน) โดยสเปนได้รับรายได้จากการท่องเที่ยวในปีดังกล่าว ประมาณ 126,000 ล้านยูโร(ขยายตัวร้อยละ 16 เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อนหน้า) คิดเป็นสัดส่วน 13.1 ของ GDP ของประเทศ จึงกล่าวได้ว่าการท่องเที่ยวเป็นแหล่งรายได้ที่ขับเคลื่อนและผลักดันเศรษฐกิจสเปนอย่างมีนัยสำคัญ

หากวิเคราะห์ตัวเลขนักท่องเที่ยวทั้งหมดที่เดินทางมาสเปนจะประกอบด้วยนักท่องเที่ยวจากสหราชอาณาจักร (18.4 ล้านคน) ฝรั่งเศส (12.9 ล้านคน) และเยอรมนี (11.9 ล้านคน) เมื่อเปรียบเทียบกลุ่มนักท่องเที่ยวจากภูมิภาคต่าง ๆ ทั่วโลก พบว่าจำนวนนักท่องเที่ยวจากเอเชียอัตราการขยายตัวสูงที่สุดที่ร้อยละ 14.2 ทางด้านแคว้นที่ได้รับความนิยมท่องเที่ยวมากที่สุดได้แก่ แคว้นคาตาโลเนีย (19.9 ล้านคน) หมู่เกาะคานารี (15.2 ล้านคน) แคว้นอันดาลูเซีย (13.5 ล้านคน) และแคว้นบาเลนเซีย (11.9 ล้านคน) ตามลำดับ ขณะที่แคว้นมาดริดต้อนรับนักท่องเที่ยวกว่า 8.8 ล้านคน

อย่างไรก็ดี การเป็นผู้นำด้านการท่องเที่ยวมิได้วัดเพียงเฉพาะตัวเลขเท่านั้น การท่องเที่ยวที่ดีควรเป็นประโยชน์ต่อประชาชน ทั้ง (1) ผู้อยู่อาศัยในท้องถิ่นที่จะต้องอยู่ร่วมกับนักท่องเที่ยว (2) บุคลากรและผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยว และ (3) นักท่องเที่ยวเองที่ต้องการหาประสบการณ์จากการท่องเที่ยว

ด้วยเหตุนี้ รัฐบาลสเปนจึงได้จัดทำยุทธศาสตร์การท่องเที่ยวสเปน ค.ศ. 2030 (España Turismo 2030)  ขึ้น ซึ่งคณะรัฐมนตรีสเปนได้อนุมัติเมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2568 เพื่อเสริมสร้างจุดแข็งการท่องเที่ยวสเปนและรับมือความท้าทายเชิงโครงสร้างที่ภาคการท่องเที่ยวสเปนกำลังเผชิญ อาทิ ประเด็นเรื่องสิ่งแวดล้อม การปรับตัวสู่ดิจิทัล การปรับปรุงเงื่อนไขการจ้างงาน การกระจายสิทธิประโยชน์อย่างเป็นธรรม  รวมทั้งการอยู่ร่วมกันระหว่างนักท่องเที่ยวและผู้อาศัยในท้องถิ่น

ยุทธศาสตร์ดังกล่าวจัดทำขึ้นโดยได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชนกว่า 200 ราย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนารูปแบบการท่องเที่ยวสเปนให้ยั่งยืน สมดุลและบูรณาการ รัฐบาลสเปนได้เน้น 2 หลักการสำคัญในจัดทำยุทธศาสตร์ฉบับนี้ ได้แก่ (1) ยึดประชาชนเป็นศูนย์กลางในการจัดทำนโยบายการท่องเที่ยวเป็นครั้งแรก โดยคำนึงถึงประโยชน์ทั้งผู้อยู่อาศัยในพื้นที่ท่องเที่ยวและนักท่องเที่ยว และ (2) ให้ความสำคัญกับความยั่งยืนด้านเศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อม

 

ยุทธศาสตร์การท่องเที่ยวสเปน ค.ศ. 2030 มีเป้าหมาย 15 ข้อซึ่งเกี่ยวข้องกับบุคคล 5 กลุ่ม ดังต่อไปนี้

1. บุคคลที่สร้างจุดหมายปลายทาง กล่าวคือ ส่งเสริมการจัดการการท่องเที่ยว ส่งเสริมการบริหารจัดการแบบประสานความร่วมมือ (Collaborative Governance) ส่งเสริมการท่องเที่ยวสีเขียวและการท่องเที่ยวสีน้ำเงินที่ลดการปล่อยมลพิษ ปกป้องความหลากหลายทางชีวภาพ และใช้ทรัพยากรธรรมชาติและชายฝั่งอย่างมีประสิทธิภาพ 

• เป้าหมายข้อ 1-3  ได้แก่ ปฏิรูปจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวสเปน (ความยั่งยืนด้านเศรษฐกิจ) ส่งเสริมการปกครองแบบร่วมมือ (ความยั่งยืนด้านสังคม) และส่งเสริมการท่องเที่ยวสีเขียวและการท่องเที่ยวสีน้ำเงิน (ความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม)

2. บุคคลที่สร้างงาน กล่าวคือ ส่งเสริมนวัตกรรมและการใช้ประโยชน์จากดิจิทัลที่สร้างความสามารถในการแข่งขัน สนับสนุนบริษัทที่รับผิดชอบให้บูรณาการหลักเกณฑ์ด้านความยั่งยืนและปฏิบัติตามหลักเศรษฐกิจหมุนเวียนโดยยึดหลักประสิทธิภาพ การลดของเสีย และการบริโภคในท้องถิ่น

• เป้าหมายข้อ 4-6 ได้แก่ นวัตกรรมที่สร้างความสามารถในการแข่งขัน (ความยั่งยืนด้านเศรษฐกิจ) บริษัทที่รับผิดชอบเรื่องการท่องเที่ยว (ความยั่งยืนด้านสังคม) และเศรษฐกิจหมุนเวียน (ความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม)

3. บุคคลที่ทำงานในภาคการท่องเที่ยว กล่าวคือ กำหนดให้บุคคลกลุ่มนี้ให้เป็นหัวใจสำคัญของการท่องเที่ยวรูปแบบนี้ โดยจัดการฝึกอบรมอย่างต่อเนื่อง พัฒนาเงื่อนไขการทำงานและส่งเสริมความครอบคลุม เพื่อสร้างงานที่เหมาะสมและยั่งยืนภายใต้กรอบการเปลี่ยนผ่านสีเขียวและการเปลี่ยนผ่านดิจิทัล

• เป้าหมายข้อ 7-9 ได้แก่ บุคลากรที่มีความสามารถสูง (ความยั่งยืนด้านเศรษฐกิจ) ความเสมอภาคในการทำงาน (ความยั่งยืนด้านสังคม) และการเปลี่ยนผ่านสีเขียว/การเปลี่ยนผ่านสีน้ำเงินและการจ้างงานในภาคการท่องเที่ยว (ความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม)

4. ผู้อยู่อาศัย กล่าวคือ เสริมสร้างความสามัคคีทางสังคม สร้างสมดุลการใช้พื้นที่สาธารณะ และคุ้มครองวัฒนธรรมท้องถิ่นเพื่อให้กิจกรรมการท่องเที่ยวสามารถผสมผสานเข้ากับวิถีชีวิตของผู้อยู่อาศัยในชุมชนได้อย่างกลมกลืน ในกรณีนี้ จะมีการจัดตั้งหน่วยสังเกตการณ์ที่พักนักท่องเที่ยว (Observatorio de la Vivienda Turística) ขึ้นด้วยเพื่อจัดทำแผนที่ความหนาแน่นของการท่องเที่ยว (tourism intensity) ในแต่ละพื้นที่ รวมถึงที่พักต่าง ๆ เพื่อพัฒนาการท่องเที่ยวและการใช้ชีวิตของผู้อยู่อาศัยในพื้นที่ท่องเที่ยว

• เป้าหมายข้อ 10-12 ได้แก่ ความสามัคคีทางสังคม (ความยั่งยืนด้านเศรษฐกิจ) การเป็นส่วนหนึ่งของท้องถิ่นและมรดกทางวัฒนธรรม (ความยั่งยืนด้านสังคม) และความมุ่งมั่นด้านสิ่งแวดล้อม (ความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม)

5. นักท่องเที่ยว กล่าวคือ ส่งเสริมการทำการตลาดที่รับผิดชอบ (responsible marketing) เพื่อให้สเปนเป็นจุดหมายปลายทางที่ยั่งยืน สร้างความตระหนักรู้ในกลุ่มนักเดินทาง และส่งเสริมการปฏิบัติตนที่ให้ใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อม

• เป้าหมายข้อ 13-15 ได้แก่ การตลาดที่รับผิดชอบ (ความยั่งยืนด้านเศรษฐกิจ) ความตระหนักรู้ทางสังคม (ความยั่งยืนด้านสังคม) และความตระหนักรู้ด้านสิ่งแวดล้อม (ความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม)

 

อนึ่ง ยุทธศาสตร์การท่องเที่ยวสเปน ค.ศ. 2030 ประกอบด้วย 5 โครงการ (บุคคล 5 กลุ่มที่กล่าวมาข้างต้น) 50 มาตรการ และ 148 การดำเนินการ ซึ่งเกี่ยวข้องกับหลายกระทรวงและหน่วยงานสเปน มีงบประมาณ 3,400 ล้านยูโร ซึ่งมาจากแผนการปรับปรุงและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของภาคการท่องเที่ยว (Plan de modernización y competitividad del sector turístico) ภายใต้แผนฟื้นฟูเศรษฐกิจสเปน (Plan de Recuperación, Transformación y Resiliencia: PRTR)

นอกจากนี้ ยุทธศาสตร์ดังกล่าวยังสอดคล้องกับฉันทามิตินานาชาติด้านการท่องเที่ยว และได้รับแรงบันดาลใจจากนโยบาย/เหตุการณ์ เช่น วาระการพัฒนาที่ยั่งยืน 2030 (Sustainable Development Goals) ปฏิญญา ปาลมา เมื่อปี ค.ศ. 2023 (La Declaración de Palma) ยุทธศาสตร์การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนของสหภาพยุโรป (EU strategy for sustainable tourism) และปฏิญญากรุงมาดริด – สภาการท่องเที่ยวสเปน เมื่อปี ค.ศ. 2024 (La Declaración de Madrid – CONESTUR)

สามารถอ่านข้อมูลยุทธศาสตร์การท่องเที่ยวสเปน ค.ศ. 2030 (ภาษาสเปน) เพิ่มเติมได้ที่นี่

 

ติดตามสาระดี ๆ เกร็ดความรู้และโอกาสทางธุรกิจในสเปนได้ที่เว็บไซต์ศูนย์ข้อมูลเพื่อธุรกิจไทยในสเปน สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงมาดริด ได้ที่ https://bic-madrid.thaiembassy.org